166431 จำนวนผู้เข้าชม |
คู่มือเช็คความหมายของ “สัญลักษณ์ซักผ้า” บนป้ายเสื้อ ช่วยให้คุณซักผ้าแบบถูกวิธี เพื่อยืดอายุเสื้อตัวโปรดให้อยู่กับคุณไปนานๆ ไม่เสียรูปทรง พร้อมทริคการสังเกต อย่าเพิ่งโยนเสื้อผ้าทุกตัวรวมกันในเครื่องซัก จนกว่าคุณจะได้อ่านบทความนี้
น้อยครั้งที่เราจะอ่านสัญลักษณ์ซักผ้าสากลบนป้ายเสื้อ (Care label) ที่นอกจากจะบอกไซส์แล้วยังมีไว้เพื่อให้ข้อมูลว่าเสื้อผ้าตัวนี้ทอมาจากเส้นใยประเภทไหนควรซักที่อุณหภูมิเท่าไรและซักอย่างไรจึงจะเหมาะกับชนิดผ้าแต่ละแบบเพื่อป้องกันการซักพลาดจนทำให้เสื้อผ้าเสียหายจึงเป็นเหมือนคู่มือที่ช่วยยืดอายุขัยของเสื้อผ้าเรารวมทั้งเป็นตัวช่วยประกอบการตัดสินใจก่อนซื้อเพราะเสื้อผ้าบางชิ้นอาจมีค่าใช้จ่ายในการรักษาทำความสะอาดสูง เช่น เสื้อผ้าที่ระบุว่าต้องซักแห้งเท่านั้นหากเราไม่สามารถรับค่าใช้จ่ายตรงนี้ได้ care labels ก็จะช่วยเราได้อย่างมาก
กลุ่มสัญลักษณ์ซักผ้าถูกแยกตามขั้นตอนต่างๆ ออกเป็น 6 ประเภท เรียงตั้งแต่การซัก การฟอก การซักแห้ง การปั่นแห้งหรืออบแห้ง การตาก ไปจนถึงการรีด ซึ่งบางสัญลักษณ์จะมีรายละเอียดต่างกันไปตามโซนทวีปและแบรนด์เสื้อผ้า เช่น แบรนด์อเมริกาใช้จุดกลมสีดำแทนอุณหภูมิน้ำ ส่วนแบรนด์ยุโรปและแบรนด์เอเชีย (จีน ญี่ปุ่น) ใช้ตัวเลขบอกอุณหภูมิแทน
1.การซัก
โดยปกติ สัญลักษณ์การซักเครื่องจะเป็นรูปกะละมังมีน้ำอยู่ภายใน ซึ่งหากมีตัวเลขอุณหภูมิในกะละมังด้วย แสดงว่าเราควรซักด้วยน้ำที่อุณหภูมิ 30 ํC หรือต่ำกว่านั้น และถ้าตัวเลขเปลี่ยน เราก็ขยับอุณหภูมิเรื่อยๆ ตามตัวเลขที่ระบุในรูปกะละมัง แต่จะสัญลักษณ์สไตล์อเมริกาจะมีความพิเศษขึ้นมาและอ่านยากกว่าปกติเล็กน้อย เพราะใช้จุดกลมๆ แทนตัวเลขอุณหภูมิน้ำ โดยมีความหมายตามรายละเอียดข้างล่างนี้
1 จุด คือ 30 ํC
2 จุด คือ 40 ํC
3 จุด คือ 50 ํC
4 จุด คือ 60 ํC
5 จุด คือ 70 ํC
6 จุด คือ 95 ํC
นอกจากเรื่องอุณหภูมิน้ำที่เหมาะสมกับผ้าแต่ละชิ้นแล้ว เรายังต้องสังเกตด้วยว่าควรซักในโหมดใด โดยสังเกตจาก ขีดแนวนอนใต้กะละมัง
ตัวอย่าง หากเห็นสัญลักษณ์ผสมกันอยู่ในรูปแบบเดียวกับรูปข้างล่างนี้ แสดงว่า คุณต้องซักด้วยเครื่องในโหมดถนอมผ้า อุณหภูมิน้ำไม่เกิน 40 ํC
สัญลักษณ์รูปมือเหนือกะละมัง คือ ควรซักผ้าด้วยมือ ซึ่งเป็นการซักที่นุ่มนวลที่สุด สัญลักษณ์สุดท้ายในหมวดซัก คือ รูปกากบาททับกะละมัง
หมายถึง ห้ามซักเด็ดขาด
_______________________________________________________________________________________________________________
ทริคปกป้องมือของคุณ คือ ควรใช้ผงซักฟอกสำหรับซักมือเท่านั้น เพราะผงหรือน้ำยาซักผ้าที่ใช้สำหรับเครื่องซักนั้น มีฤทธิ์แรงกว่าชนิดซักมือ หากนำมาใช้อาจมีอาการปวดร้อนแสบลอกได้ หรือลดความเสี่ยงนี้ได้ ด้วยการใช้น้ำยาซักผ้าจากธรรมชาติ ที่รองรับการซักมือและซักเครื่อง โดยไม่ทำร้ายผิวของเรา
_______________________________________________________________________________________________________________
2.ฟอกขาว
สารฟอกขาวแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
_________________________________________________________________________________________________________________
ทริค ใช้น้ำยาฟอกให้ตรงกับชนิดของผ้าตามฉลากหน้าขวด เช่น น้ำยาฟอกผ้าขาวใช้ได้แค่กับผ้าขาว หากนำไปใช้กับผ้าสีจะทำให้ผ้าด่าง น้ำยาฟอกผ้าสีใช้ได้แค่กับผ้าสี หากใช้กับผ้าขาวอาจไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
_________________________________________________________________________________________________________________
นอกจากนี้ ควรระมัดระวังในการใช้และปฏิบัติตามคำแนะนำตามฉลากอย่างเคร่งครัด เพราะสารฟอกแต่ละขวดบรรจุสารเคมีอันตรายที่มีฤทธิ์กัดกร่อน ถ้าไม่ระวังอาจทำให้ผ้าเสียหายได้ หรือหากผ้าที่สกปรกและมีคราบหนักของคุณไม่เหมาะกับการใช้น้ำยาฟอก เราแนะนำให้ขยี้ด้วยมือ เพื่อกำจัดคราบเฉพาะจุดก่อน แล้วจึงนำไปซักเครื่องหรือซักมือตามที่ฉลากระบุ
3.ซักแห้ง
ซักแห้ง หมายถึง การซักทำความสะอาดเสื้อผ้าโดยไม่ใช้ผงซักฟอกหรือน้ำเป็นตัวทำละลาย แต่ซักด้วยน้ำยาหรือน้ำมันพิเศษ เพอร์คลอโรเอทิลีน (Perchloroethylene) ที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบในปริมาณที่น้อยมากๆ ไปจนถึงไม่มีเลย จึงช่วยถนอมใยผ้าได้ และควรซักกับเครื่องซักแห้งโดยเฉพาะ ไม่ควรซักด้วยมือเด็ดขาด เพราะจะเป็นอันตรายต่อผิว
4.อบแห้ง
ร้านซักอบแห้ง 24 ชม. มีอยู่แทบทุกมุมเมือง ด้วยความสะดวกรวดเร็วในการซัก ไม่เสียเวลาตาก และยิ่งถ้าเราต้องอบแห้งเสื้อผ้าบ่อยๆ ยิ่งต้องใส่ใจเรื่องชนิดของผ้าให้มากขึ้น เพราะเคยมีกรณีไฟไหม้เครื่องอบแห้งมาแล้ว สาเหตุจากการอบผ้าที่ทนความร้อนสูงไม่ได้หรือไม่เหมาะกับการอบ
สัญลักษณ์สากลในการอบแห้ง
จะเห็นได้ว่ามีการใช้จุดทึบกลม เป็นตัวกำหนดอุณหภูมิสูง กลาง ต่ำ โดยมีรายละเอียด ดังนี้
____________________________________________________________________________________________________________________
ทริค ใส่แผ่นอบผ้า (Dryer Sheet) ลงไปในเครื่องอบด้วย จะช่วยให้ผ้าของเราหอมนานและช่วยไม่ให้ผ้าแห้งกรอบหลังการอบแห้ง
____________________________________________________________________________________________________________________
5.ตาก
ส่วนมากเราจะห้อยไม้แขวนแล้วตาก หรือไม่ก็พาดไว้บนราว ซึ่งจะหลายๆครั้งก้ทำให้เสื้อผ้าของเราเสียรูปทรง หรือเป็นรอยไม้แขวนเสื้อบริเวณไหล่ได้ สามารถเลี่ยงปัญหานี้ได้ ด้วยการอ่านความหมายของแต่ละสัญลักษณ์ และนำไปใช้กับเสื้อผ้าของคุณเอง
6.รีดผ้า
หลายบ้านใช้เตารีดไอน้ำรีดเสื้อผ้าทุกตัว แต่ก็มีบางตัวที่ไม่สามารถใช้เตารีดไอน้ำรีดได้เช่นกัน
เมื่อคุณเข้าใจความหมายของสัญลักษณ์ซักผ้าทุกแบบไปแล้ว เราแนะนำให้คุณลองหยิบเสื้อผ้าของคุณออกมา และเริ่มดูแลไปทีละขั้นตอน พร้อมๆ กันกับสรุปของเราเลย ที่สำคัญอย่าลืมแยกผ้าสี ผ้าขาว และผ้าดำ พร้อมกลับด้านเสื้อผ้าก่อนซักทุกครั้ง เพราะคราบเหงื่อหรือคราบไขมันจากร่างกายที่ออกมาแนบกับเนื้อผ้าด้านใน จะกลายเป็นแหล่งเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย
ดังนั้น การกลับด้านก่อนซักจึงสามารถปั่นเอาสิ่งสกปรกออกได้ง่ายกว่า เสื้อผ้าจึงสะอาดมากขึ้น
สามารถซื้อน้ำยาซักผ้าและน้ำยาปรับผ้านุ่ม เพื่อดูแลเสื้อผ้าของคุณให้มีอายุการใช้งานยาวนานได้ ที่นี่ เลย เราเชื่อว่าการดูแลเสื้อผ้าของคุณให้ดูเหมือนใหม่เสมอจะง่ายขึ้นมาทันที